CDN (Content Delivery Network) คือ ระบบที่จะกระจายข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไปยัง Server ต่างๆ ทั่วโลก โดยที่ระบบ CDN จะทำการส่งข้อมูลจาก Server ใกล้ที่สุดกับ User ที่เรียกดูข้อมูลนั่นเอง
โดย Cloudflare เป็นผู้ให้บริการระบบเครืองข่าย network ที่เชื่อมกันทั่วโลกและใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งบริการที่เราใช้กันฟรีๆ คือ CDN (Content Delivery Network) ที่ทำหน้าที่เป็น Reverse Proxy มีทั้งแบบฟรี และจ่ายรายเดือน นอกจากนี้คนไทยยังใช้บริการอื่นๆอีก เช่น WARP, VPN, Magic WAN, API Shied, analytics จับสถิติเว็บ,DNS เรคคอร์ด HTTPS
ในส่วนของ CDN นั้นเราสามารถติดตั้งได้ฟรี หลายเว็บไซต์ เพียงแค่เข้าไปแก้ไข DNS ของเว็บไซต์เราเป็นของ Cloudflare
เมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว อัพเดทสถานะเรียบร้อยแล้ว สามารถเติม /cdn-cgi/trace เพื่อตรวจสอบสถานะการทำงานได้เลยครับ
ประโยชน์ที่ได้รับเมื่อติดตั้ง CDN ของ Cloudflare คือ
1. ได้ HTTPS Universal SSL ฟรี ซึ่งดีกับการทำ SEO
2. ป้องกัน DDOS (Distributed Denial of Service)
3. ลดการทำงานของเครื่อง Server หรือ Hosting เพิ่ม ประสิทธิภาพ (Performance)
4. เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมจากทั่วโลกได้ประโยชน์อย่างมากจาก CDN เพราะ Cloudflare มี Data Center อยู่ทั่วโลกนั่นเอง
ก่อนหน้านี้มีข้อเสียอยู่คือ Cloudflare ให้บริการ CDN ทำ peering ในไทยไว้กับ JasTel แต่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแทนที่การเข้าใช้งานจากในไทยจะจบในไทย แต่กลับต้องวิ่งไปจบที่ปลายทางที่สิงคโปร์หรือฮ่องกงแทน ต้องใช้แบนด์วิธต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพงกว่าแบนด์วิธในไทยมาก
ตัวอย่าง : https://cloudflare.com/cdn-cgi/trace
fl=…
h=www.zenkoy.com
ip=…
ts=…
visit_scheme=https
uag=Mozilla/5.0 (Windows NT 6.1; WOW64; rv:53.0) Gecko/20100101 Firefox/53.0
colo=NRT
spdy=h2
http=h2
loc=TH
โดย colo=BKK ก็หมายถึงปลายทางอยู่ในกรุงเทพฯ หากไม่ใช่ก็จะเป็นรหัสสนามบินมาตรฐาน 3 ตัวอักษรอื่นๆ
เช่น SIN=สิงคโปร์ / HKG=ฮ่องกง / NRT = นะริตะ
หากทดสอบโดยการ ping หรือ traceroute ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนใช้ Hosting ในไทย
นอกจาก CDN ของ Cloudflare แล้วในฝั่งของ Amazon CloudFront ก็มีให้บริการ ontent Content Delivery Service (CDN) เช่นเดียวกัน ที่สำคัญ AWS ได้ออกปลั๊กอิน AWS for WordPress ให้กับเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress สามารถเข้าถึงบริการต่างๆได้โดยตรง
ขอบคุณ : blognone.com
